แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตื่นขึ้นมาพบกับข่าวร้ายเมื่อ เบนจามิน เซสโก กองหน้าตัวหลัก ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรงในเกมกับท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก่อนช่วงเบรกทีมชาติ โดยคาดว่าเขาจะต้องพักรักษาตัวนานประมาณหนึ่งเดือน ซึ่งจะทำให้พลาดเกมพรีเมียร์ลีกที่สำคัญถึง 5 นัด ซึ่งในสถานการณ์นี้ INEOS ไม่สามารถทำอะไรเพื่อชดเชยการขาดหายไปของเขาได้จนกว่าจะถึงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมเป็นอย่างเร็วที่สุด
ในสถานการณ์ที่แนวรุกกำลังขาดแคลนเช่นนี้ โจชัว เซิร์กซี อดีตเอซของโบโลญญา ผู้ซึ่งเคยลงเล่นไปถึง 41 เกมและยิงได้ 6 ประตูในฤดูกาลที่แล้ว ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุดที่จะก้าวขึ้นมาทดแทน แต่ เซิร์กซี กลับถูกมองข้ามอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่เคยได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเลยแม้แต่นัดเดียวในฤดูกาลนี้ และลงเล่นรวมเพียง 90 นาทีในฐานะตัวสำรองเท่านั้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับนักเตะเป็นอย่างมาก
ตามรายงานของ The Times ยืนยันว่า รูเบน อโมริม หัวหน้าโค้ช ไม่ได้มองว่ากองหน้าชาวดัตช์รายนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการแทนที่ เซสโก และจะเลือกใช้แผน 'ฟอลส์ไนน์' (False Nine) โดยดันผู้เล่นในแนวรุกคนอื่นขึ้นมาแทน ซึ่งเป็นแทคติกที่เขาเคยใช้ในช่วงต้นฤดูกาล โดยส่งสามประสานอย่าง ไบรอัน เอ็มเบอูโม, เมสัน เมานต์ และ มาเธอุส คุนญา ลงเล่นแทนที่จะเป็น เซิร์กซี
การตัดสินใจของอโมริมที่จะเมินโอกาสทองของเซิร์กซีในยามที่ทีมขาดแคลนแนวรุก เป็นการยืนยันอย่างแทบจะแน่นอนถึงการออกเดินทางของนักเตะหมายเลข 11 รายนี้ในเดือนมกราคม โดยเขาไม่น่าจะอยู่ต่อหากไม่ได้รับการประเมินค่าอย่างเหมาะสม แม้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะกำลังจะเสียแนวรุกสำคัญอย่าง เอ็มเบอูโม และ อามัด ไปเล่นในศึกแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ ในช่วงเดือนธันวาคมก็ตาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสโมสรไม่ได้วางแผนให้เขาอยู่ในทีมระยะยาว
Blue Is The Colour เพลงที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเชลซี
สโต๊ค ซิตี้ ทีมเล็กที่ใช้แท็กติกเปลี่ยนเกมและท้าทายยักษ์ใหญ่
🎉 สมัครสมาชิกวันนี้!
🌟 ลุ้นรับสิทธิพิเศษและร่วมสนุกกับกิจกรรมดีๆ มากมาย
📲 คลิกที่นี่เลย 👉 https://line.me/R/ti/p/@pzz9






แสดงความคิดเห็น