คริสตัล พาเลซ โชว์ฟอร์มโหดสยบ แอสตัน วิลล่า ขาดลอย 3-0 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนที่ผ่านมา (26 เมษายน) ที่สนามเวมบลีย์ ทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จในรอบ 9 ปี ลุ้นคว้าแชมป์ถ้วยนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

เกมนี้ “ดิ อีเกิ้ลส์” เดินเครื่องใส่ตั้งแต่ต้นเกม และมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 31 จากจังหวะที่ อิสไมล่า ซาร์ เปิดบอลให้ เอเบเรชี่ เอเซ่ ซัดไกลสุดคม ส่งบอลเสียบเสาเข้าไปอย่างเฉียบขาด ให้พาเลซออกนำ 1-0

ครึ่งหลัง พาเลซยังไม่ผ่อนเกม นาที 53 ได้จุดโทษจากจังหวะ เอเซ่ ถูกทำฟาวล์ในเขตโทษ แต่ ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ยิงพลาดไปอย่างน่าเสียดาย ถึงอย่างนั้น แฟนบอลพาเลซก็ไม่ต้องรอนาน นาที 58 อิสไมล่า ซาร์ ซัดไกลสุดสวยระยะ 25 หลา บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปให้ทีมหนีเป็น 2-0

ช่วงทดเจ็บ นาที 90+4 เกมสวนกลับเร็ว ซาร์ คนเดิมหลุดเดี่ยวไปยิงผ่านมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เข้าไปปิดเกมอย่างเด็ดขาด 3-0 ส่งให้ คริสตัล พาเลซ เข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 3 ของสโมสร และเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2016

ผลงานในเกมนี้ต้องยกเครดิตให้กับ อิสไมล่า ซาร์ และ เอเบเรชี่ เอเซ่ ที่ประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงแนวรับและ ดีน เฮนเดอร์สัน นายด่านจอมหนึบ ที่ช่วยเซฟจังหวะสำคัญไว้ได้หลายครั้ง

ชัยชนะนัดนี้ทำให้ “ดิ อีเกิ้ลส์” รอชิงดำกับผู้ชนะระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งจะฟาดแข้งกันในวันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคมนี้ โดยถ้าพาเลซคว้าแชมป์ได้ จะเป็นถ้วยเอฟเอ คัพ สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสรทันที

ขณะที่ แอสตัน วิลล่า ต้องผิดหวังต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จากการแพ้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และมาพ่ายเละอีกเกมในเวมบลีย์ ปิดฉากความหวังลุ้นแชมป์บอลถ้วยปีนี้เรียบร้อย








Post a Comment

ใหม่กว่า เก่ากว่า